
เมื่อเร็วๆ นี้ ร.อ.ดร.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่าเพื่อการกุศล หรือ “ผู้กองธรรมนัส” ให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์ถึงการย้ายสำมะโนครัวจาก อ.ตากใบ จ.นราธิวาส กลับมายัง อ.เมือง จ.พะเยา ว่า ตอนนั้นสถานการณ์บ้านเมืองไม่ค่อยจะราบรื่น ตนเองถูกตรวจสอบหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่ไปเกี่ยวกับ “เสธ.ไอซ์” พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต และพรรคไทยรักไทย ขณะที่ความแตกแยกในสังคมก็ยังมีความเข้มข้นอยู่ ไม่รู้ใครเป็นใคร ดังนั้น เพื่อความสบายใจของฝ่ายความมั่นคงที่ต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ตนจึงยอมออกจากพื้นที่บ้านเกิดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและพิสูจน์ให้เห็นว่าตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการสร้างความแตกแยกในสังคมแต่อย่างใด ต่อเมื่อฝ่ายพี่น้องทหารที่ดูแลพื้นที่จังหวัดพะเยาและภาคเหนือเขาเห็นแล้วว่าตนเป็นคนบริสุทธิ์ ไม่ได้มีพิษมีภัยแต่ประการใด ก็ถึงเวลาที่จะกลับบ้านเกิด ช่วยเหลือสังคมและสร้างความเจริญให้กับจังหวัดพะเยาต่อไป
ต่อข้อถามที่ว่ากลับมาเที่ยวนี้จะยุ่งเกี่ยวการเมืองอีกหรือไม่ “ผู้กองธรรมนัส” ตอบว่าตนเป็นคนมีเพื่อนมาก โดยเฉพาะทางการเมือง มีอยู่แทบทุกพรรค ไม่ว่าประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ภูมิใจไทย อะไรทั้งพรรคเก่าและพรรคใหม่ ถ้าตนไม่ยุ่งกับการเมือง การเมืองก็จะมายุ่งกับตนเอง เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ตนสนใจการเมืองท้องถิ่นมากกว่าการเมืองระดับชาติ เพราะการเมืองท้องถิ่นคือรากเหง้าของการเมืองประเทศไทย ถ้าท้องถิ่นเข้มแข็ง การเมืองระดับชาติก็จะมีเสถียรภาพ นี่เพราะการเมืองท้องถิ่นส่วนใหญ่ไม่เข้มแข็ง ประเทศชาติจึงไม่มีนักการเมืองที่มีคุณภาพ ด้วยเหตุนี้ ตนจึงได้ให้ความสนใจการเมืองระดับท้องถิ่นมา 10 กว่าปีแล้ว มีนักการเมืองที่ตนให้การสนับสนุนชนะการเลือกตั้งถึง 99% และทุกคนไม่เคยสังกัดพรรคการเมืองใดๆ ส่วนใหญ่ต้องพิสูจน์ให้เห็นก่อนว่ามาเพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชน มาเพื่อพัฒนาบ้านเมืองของตนจริงๆ แล้วคุณก็จะได้การยอมรับจากประชาชนไปอีกนานโดยไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง อย่างไรก็ตาม ยังมีเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะมีการเลือกตั้งทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น จึงมีเวลาอีกพอสมควรสำหรับตนที่จะตัดสินใจว่าจะไปทางไหน แต่อย่างไร ตนก็มีจิตอาสาที่จะช่วยชาติ ช่วยประชาชนคนพะเยาแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ว่าทางการเมืองจะออกมาในรูปไหน “บ้านเกิดของเรา เรามีกำลังพอช่วยได้ แล้วจะปล่อยให้ยากจนอยู่อย่างนี้หรือ” ผู้กองธรรมนัสสรุป
