ก่อนที่กระทรวงสาธารณสุขจะมี ก่อนที่กระทรวงสาธารณสุขจะมีคำวินิจฉัยนี้ บริษัท ที.วี.เอฟ.ฟาร์มมิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ เพาะพันธุ์สัตว์ การเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้า การแปรรูปเนื้อสัตว์และอื่นๆ ครบวงจร โดยดำเนินธุรกิจอยู่ใน 16 ประเทศทั่วโลก ส่งออกสินค้าจากประเทศไทยไปจำหน่ายในต่างประเทศกว่า 30 ประเทศทั้งสุกร ไก่เนื้อ ไก่ไข่ เป็ด กุ้ง ปลา ด้วยกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ไปยังผู้บริโภคกว่า 4 พันล้านคนทั่วโลก โดยบริษัท ที.วี.เอฟ. ได้ลงทุนซื้อที่ดิน หมู่ 11 ต.แม่อ้อ อ.พาน จ.เชียงราย จำนวน 153 ไร่เศษ เพื่อทำฟาร์มสุกรด้วยการเลี้ยงแม่พันธุ์ 4,800 ตัวเพื่อเพาะพันธุ์โดยบริษัทได้ลงทุนพัฒนาที่ดินบางส่วนไปแล้วกว่า 25 ล้านบาทจากมูลค่าการลงทุนทั้งหมดกว่า 350 ล้านบาท ตลอดจนอบต.แม่อ้อก็ได้ให้ใบอนุญาตประกอบกิจการกับใบอนุญาตให้ขุดและถมดินในที่ดินดังกล่าวไปแล้วด้วย แต่เมื่อมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งออกมาคัดค้าน ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมขออนุญาตก่อสร้างอาคารและขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการ (ปีต่อปี) กับอบต.แม่อ้อ นายสมคิด ศรีมูล นายกอบต.แม่อ้อ กลับไม่ยอมต่ออายุใบอนุญาต

นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่อ้อ
โดยอ้างเหตุผลเพียงเพื่อลดความขัดแย้งในชุมชนและเกรงจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทเห็นว่านายกอบต.แม่อ้อไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง ใช้อำนาจหน้าที่ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย บริษัท ที.วี.เอฟ.ฟาร์มมิ่ง จำกัด จึงจำเป็นต้องอุทธรณ์คำสั่งของนายกอบต.แม่อ้อ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตามมาตรา 67 แห่งพ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนายปิยะสกล สกลสัต-ยาทร ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นคือนายกอบต.แม่อ้อแล้ว เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา (รายละเอียดตามคำวินิจฉัย) หลังจากได้รับทราบคำวินิจฉัย แหล่งข่าวเปิดเผยกับ “เชียงรัฐ” ว่า บริษัทได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากทั้งในด้านชื่อเสียงและเงินลงทุน ทั้งๆ ที่บริษัทมีเจตนาดีที่จะสร้างความเจริญให้กับท้องถิ่นอีกทั้งยังปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการและยืนยันมาตลอดว่าฟาร์มสุกรนี้ทันสมัยภายใต้การร่วมทุนกับบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอนตรงกันข้ามกลับจะทำประโยชน์ให้กับชุมชน แต่ก็ยังมีนักการเมืองกลุ่มอิทธิพล คอยให้ข้อมูลผิดๆ กับชาวบ้าน เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง บริษัทจึงกำลังพิจารณาที่จะดำเนินการทางกฎหมายกับแกนนำที่สร้างความเสียหายให้กับบริษัทและถ่วงความเจริญของท้องถิ่นต่อไป.